ในโลกธุรกิจที่มีการขนส่งสินค้าอย่างซับซ้อน แผนก Shipping และแผนก Logistics ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น แต่หลายครั้งที่เราอาจสับสนว่าแผนกทั้งสองมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่างกันอย่างไร แม้ทั้งคู่จะทำงานในกระบวนการส่งมอบสินค้า แต่มีการทำงานและหน้าที่เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างแผนก Shipping และแผนก Logistics ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการกระบวนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพในการให้บริการกับลูกค้า ในบทความนี้จะเจาะลึกถึงหน้าที่ของแต่ละแผนก ความแตกต่าง และความสำคัญที่มีต่อการดำเนินธุรกิจ
ไขความลับระหว่าง Shipping และ Logistics ในกระบวนการขนส่ง
แผนก Shipping
แผนก Shipping เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะขั้นตอนการเตรียมความพร้อมและส่งออกสินค้าไปยังปลายทางที่กำหนด โดยหน้าที่หลักของแผนกนี้คือการวางแผนและติดตามการขนส่ง รวมถึงการจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เช่น ใบตราส่ง (Bill of Lading) เอกสารการชำระภาษีศุลกากร และการประกันภัย เป็นต้น แผนก Shipping มักจะเน้นการขนส่งระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางทะเล ทางอากาศ หรือทางบก โดยมีหน้าที่ประสานงานกับผู้ให้บริการขนส่งภายนอกเพื่อให้สินค้าไปถึงปลายทางตามกำหนดเวลาอย่างปลอดภัย
แผนก Logistics
ในทางกลับกัน แผนก Logistics เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลจัดการกระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบสินค้า โดยเริ่มตั้งแต่การจัดหา การจัดเก็บสินค้า การบรรจุหีบห่อ การควบคุมคลังสินค้า ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าถึงลูกค้า ดังนั้น หน้าที่ของแผนก Logistics จึงครอบคลุมถึงกระบวนการทั้งหมดในการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยรวมทั้งการจัดการภายในคลังสินค้า การวางแผนการจัดส่ง และการบริหารทรัพยากรที่จำเป็น แผนก Logistics มีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนในกระบวนการทำงานและเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเนื่องจากมีการควบคุมและติดตามการส่งสินค้าได้อย่างทั่วถึง
ความแตกต่างระหว่างแผนก Shipping และ Logistics
แม้ว่าแผนก Shipping และแผนก Logistics จะมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า แต่ก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยแผนก Shipping มุ่งเน้นไปที่กระบวนการขนส่งสินค้าออกไปยังปลายทางที่กำหนด รวมถึงการจัดการเอกสารการขนส่งและภาษีศุลกากร ขณะที่แผนก Logistics มีหน้าที่ดูแลกระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการซัพพลายเชน รวมทั้งการจัดเก็บและการบริหารคลังสินค้า การวางแผนการขนส่ง และการบริหารทรัพยากรภายในเพื่อให้การส่งมอบสินค้าเป็นไปตามกำหนดเวลาและมีประสิทธิภาพ
การเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างแผนก Shipping และแผนก Logistics ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแผนก Shipping มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงในการจัดการขนส่งสินค้าและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนแผนก Logistics ทำหน้าที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการการส่งมอบสินค้าตั้งแต่การจัดเก็บ บรรจุ และขนส่ง ทำให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน และส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย การมีแผนกทั้งสองที่ทำงานประสานกันอย่างดีจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ