เคล็ดลับสมัครงานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ ได้งานไวแน่นอน!
20/02/2025
การสมัครงานหลังเรียนจบเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับบัณฑิตจบใหม่ทุกคน บางคนส่งใบสมัครไปมากมายแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ หรือบางคนอาจจะรู้สึกว่าบริษัทต้องการประสบการณ์ที่ตนเองยังไม่มี อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับผู้สมัครที่เพิ่งจบการศึกษาคนอื่นๆ บทความนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับสมัครงานด้วยการปรับเปลี่ยนมุมมองเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานอย่างรวดเร็ว ปัจจัยสำคัญที่แยกผู้ประสบความสำเร็จออกจากคนที่ยังคงค้นหาโอกาสไม่ใช่เพียงแค่เรซูเม่หรือวุฒิการศึกษา แต่คือ "ทัศนคติและมุมมอง" ที่ถูกต้อง นั่นเอง
เหตุใดทัศนคติจึงสำคัญกว่าประสบการณ์สำหรับผู้เริ่มต้นทำงาน
ความกังวลหลักของบัณฑิตจบใหม่คือการขาดประสบการณ์ แต่ผลสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญด้านการรับสมัครงานพบว่านายจ้างส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับทัศนคติมากกว่าประสบการณ์ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาผู้สมัครที่เพิ่งจบการศึกษา สิ่งที่นายจ้างมองหาจริงๆ ได้แก่:
- ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และพัฒนาตนเอง
- ความสามารถในการปรับตัว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ
- ความคิดสร้างสรรค์ ในการแก้ไขปัญหา
- ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
นายจ้างเข้าใจดีว่าประสบการณ์สามารถสั่งสมได้ แต่ทัศนคติคือสิ่งที่ยากจะสอน หากคุณแสดงออกถึงความพร้อมที่จะเรียนรู้ เติบโต และปรับตัว จะทำให้คุณโดดเด่นในสายตาของผู้คัดเลือกทันที
ทัศนคติสำคัญ 5 ประการที่เร่งโอกาสการได้งานสำหรับบัณฑิตจบใหม่
1. มีความยืดหยุ่นและอดทนต่อความล้มเหลว
การถูกปฏิเสธเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหางาน ไม่ใช่การตัดสินคุณค่าของคุณ บัณฑิตที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าทุกๆ "ไม่" คือก้าวที่ใกล้เข้าไปสู่ "ใช่" มากขึ้น
แนวทางปฏิบัติ:
- บันทึกข้อเสนอแนะหรือประสบการณ์จากแต่ละการสัมภาษณ์
- นำบทเรียนไปพัฒนาการสมัครครั้งต่อไป
- มองทุกความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้
2. มีความกระหายในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
นายจ้างสมัยใหม่ให้คุณค่ากับผู้ที่กระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
แนวทางการแสดงคุณสมบัตินี้:
- ติดตามแนวโน้มล่าสุดในอุตสาหกรรมของคุณผ่านบล็อก เว็บไซต์ และสื่อสังคม
- ลงเรียนคอร์สออนไลน์ เช่น Coursera, edX, Skillshare
- เข้าร่วมเวิร์กช็อปและสัมมนาออนไลน์
- อ่านหนังสือหรือบทความวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอ
3. ความสามารถในการปรับตัวสูง
ตลาดงานปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงจะมีโอกาสมากกว่า
วิธีพิจารณาโอกาสที่ยืดหยุ่น:
- รับงานชั่วคราวหรืองานโครงการระยะสั้น เพื่อเก็บประสบการณ์
- สมัครในตำแหน่งที่ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่
- ลองงานรีโมต หรือไฮบริดเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่
- เข้าร่วมกับธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อเรียนรู้หลากหลายทักษะ
4. มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในคุณค่าของตนเอง
แม้จะไม่มีประสบการณ์ แต่คุณมีสิ่งที่องค์กรต้องการ
ข้อได้เปรียบของบัณฑิตใหม่:
- มุมมองที่สดใหม่และความคิดสร้างสรรค์
- ความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว
- ความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น AI, โซเชียลมีเดีย, เครื่องมือออนไลน์
- พลังงานและความกระตือรือร้นในการเริ่มต้น
5. มีทัศนคติเชิงบวกและมองเห็นโอกาสในทุกสถานการณ์
ทัศนคติเชิงบวกช่วยให้คุณฟื้นตัวจากความผิดหวังได้เร็วขึ้น และดึงดูดความสนใจของผู้รับสมัคร
วิธีฝึกฝน:
- ฝึกการคิดในแง่สร้างสรรค์จากปัญหาที่พบ
- ตั้งคำถามว่า "สิ่งนี้สอนอะไรฉัน?"
- ใช้ภาษาที่แสดงความมั่นใจและแง่ดีในการเขียนและพูด
กลยุทธ์ปฏิบัติเพื่อเพิ่มความโดดเด่นในตลาดงาน
ปรับแต่งเอกสารสมัครงานให้ตรงกับแต่ละตำแหน่ง
- วิเคราะห์คำสำคัญในประกาศรับสมัครและรวมเข้าในเรซูเม่
- เน้นทักษะที่ถ่ายโอนได้ เช่น การสื่อสาร การจัดการเวลา การวิเคราะห์ข้อมูล
- ใช้ตัวอย่างเชิงปริมาณ เช่น "เพิ่มยอดขาย 20%" หรือ "จัดการโปรเจกต์ในงบประมาณที่จำกัด"
- เขียนจดหมายสมัครงานที่สื่อถึงความเข้าใจในเป้าหมายและวัฒนธรรมองค์กร
สร้างแบรนด์ส่วนตัวที่แข็งแกร่งบนโลกออนไลน์
- สร้างโปรไฟล์ในเว็บไซต์หางาน เช่น internth.com ให้ครบถ้วน
- ระบุทักษะและจุดแข็งที่เกี่ยวข้องกับสายงาน
- รวมผลงานใน Portfolio เช่น ลิงก์ไปยังโปรเจกต์ GitHub, Behance, YouTube
- ขอคำรับรองจากผู้ที่เคยร่วมงานเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ
เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์ด้วยเทคนิคการเล่าเรื่อง
- ใช้โครงสร้าง STAR (Situation, Task, Action, Result) ในการตอบคำถาม
- เตรียมเรื่องราวที่สะท้อนทักษะที่นายจ้างต้องการ เช่น การทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหา
- ฝึกซ้อมกับเพื่อนหรือใช้ AI จำลองการสัมภาษณ์
- ศึกษาข้อมูลของบริษัทก่อนการสัมภาษณ์เพื่อแสดงความสนใจจริงจัง
สร้างประสบการณ์ผ่านโครงการส่วนตัวและงานอาสา
- ทำโปรเจกต์ เช่น การพัฒนาเว็บไซต์ แอป หรือแผนธุรกิจจำลอง
- ร่วมอาสากับองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น ช่วยด้านการตลาด หรือจัดกิจกรรม
- รับงานฟรีแลนซ์เล็กๆ เพื่อฝึกใช้ทักษะและสร้างเครือข่าย
- เขียนบล็อกหรือโพสต์บน LinkedIn เพื่อแสดงความเชี่ยวชาญ
กลยุทธ์รักษาแรงจูงใจระหว่างการค้นหางาน
ตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้และเป็นไปได้
- ส่งใบสมัครอย่างน้อย 5–10 ตำแหน่งต่อสัปดาห์
- แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นขั้นตอนเล็กๆ เช่น เตรียมเรซูเม่ -> สมัครงาน -> ฝึกสัมภาษณ์
- ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำได้ตามแผน เช่น พักผ่อน ดูหนัง หรือพบเพื่อน
ติดตามความคืบหน้าอย่างเป็นระบบ
- ใช้ Google Sheet หรือ Trello บันทึกสถานะการสมัคร
- ประเมินผลตอบรับ เช่น อัตราการถูกเรียกสัมภาษณ์
- วิเคราะห์จุดอ่อนจากการถูกปฏิเสธ เช่น ต้องเสริมทักษะอะไรเพิ่มเติม
สร้างเครือข่ายอย่างมีกลยุทธ์
- เข้าร่วมกลุ่มอาชีพใน Facebook, LinkedIn หรือ internth.com
- เข้าร่วมกิจกรรมเน็ตเวิร์คกิ้ง เช่น งานสัมมนา เวิร์กช็อป หรืองาน Meetup
- ขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่ในสายงานหรือศิษย์เก่า
- ติดตามผู้เชี่ยวชาญและบริษัทเป้าหมายเพื่ออัปเดตโอกาส
ดูแลสุขภาพกายและใจ
- แบ่งเวลาพักทุก 90–120 นาทีจากการสมัครงาน
- ออกกำลังกายวันละ 15–30 นาที เช่น เดินเร็วหรือโยคะ
- ฝึกสติเพื่อคลายความเครียด เช่น การนั่งสมาธิ หายใจลึกๆ
- เปิดใจพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวเมื่อรู้สึกหมดแรง
พัฒนาทักษะที่ตลาดงานต้องการในปีนี้
การมีทัศนคติที่ดีควบคู่กับทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ จะยิ่งเพิ่มความได้เปรียบให้กับผู้สมัครงาน บัณฑิตจบใหม่ควรเร่งพัฒนาทักษะเหล่านี้:
- การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Data Literacy)
- ความสามารถด้านดิจิทัล เช่น Excel, Canva, Google Workspace
- การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเขียนและการนำเสนอ
- ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ
- การใช้ AI หรือเครื่องมือช่วยงาน เช่น ChatGPT, Notion
บทสรุป
การค้นหางานแรกเป็นเหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น จำไว้ว่าผู้ประสบความสำเร็จทุกคนเคยอยู่ในจุดเริ่มต้นเช่นเดียวกับคุณ ด้วยทัศนคติที่ถูกต้องและความพยายามอย่างต่อเนื่อง คุณจะไม่เพียงแค่ได้งานแรก แต่จะวางรากฐานสำหรับความสำเร็จในระยะยาว
มองทุกการปฏิเสธเป็นบทเรียน ทุกการสัมภาษณ์เป็นโอกาสในการฝึกฝน และทุกวันเป็นก้าวเล็กๆ สู่เป้าหมายของคุณ เมื่อคุณรักษาทัศนคติที่ถูกต้อง ความสำเร็จไม่ใช่คำถามว่า "จะเกิดขึ้นหรือไม่" แต่เป็น "จะเกิดขึ้นเมื่อไร"
บทความเพิ่มเติม : เขียนเรซูเม่ยังไงให้ได้งาน: เทคนิคดีๆที่ HR ต้องสะดุดตา
