ปรับบุคลิกภาพให้พร้อม ก่อนไปสัมภาษณ์งาน

        สำหรับใครที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งาน แล้วมีความกังวลว่า "ไปสัมภาษณ์งานต้องทำตัวยังไง? แต่งตัวแบบไหน? ต้องพูดยังไง? ทำยังไงเค้าถึงจะรับเราเข้าทำงาน?" หรือก็คือกังวลสุดๆ ว่าจะทำยังไงให้ผู้สัมภาษณ์งานประทับใจเรา วันนี้เรามีบทความดีๆมาฝากค่ะ

การเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์งาน

        การที่คุณได้รับเลือกให้ไปสัมภาษณ์งาน แน่นอนว่าด่านแรกอย่าง "เรซูเม่" นั้นต้องผ่านแล้วแน่ๆ คุณจึงเป็นผู้ถูกเลือกในการนัดพูดคุยเพิ่มเติม เพื่อประเมินว่านอกจากสกิลที่คุณสามารถทำ/นำไปปรับใช้กับองค์กรของเขาได้ คุณยังมีอย่างอื่นๆอีกไหม? ที่เขาต้องตัดสินใจ เลือกคุณนี่แหละ เข้าทำงาน! ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้คุณโดดเด่นกว่าคุณอื่นได้ นั่นก็คือ mindset, ทัศนคติ และบุคลิกภาพ ของคุณนั่นเอง และเพื่อการเตรียมตัวที่ดีในการไปสัมภาษณ์งาน สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานที่คุณควรใส่ใจค่ะ

         1. การศึกษา สถานที่ตั้งบริษัท การเดินทาง และวัฒธนธรรมองค์กร

         ก่อนอื่นเลย สิ่งแรกที่ควรทำ คือศึกษาก่อนว่า บริษัท มีที่ตั้งอยู่ตรงไหน การเดินทางสามารถไปได้อย่างไร รถติดไหม ระยะทางจากที่พักของเราไปถึงที่นัดหมายใช้เวลาเดินทางประมาณกี่นาที เพื่อคำนวนไม่ให้ไปสาย และที่สำคัญ บริษัท มีวัฒนธรรมองค์กรเป็นแบบใด

        2. Mindset เพื่อการสัมภาษณ์งาน

        Mindset ที่ดี ที่คุณจะต้องพกติดตัวไว้ก็คือ การสัมภาษณ์ในครั้งนี้คุณจะทำมันให้ดี จะทำให้ผู้สัมภาษณ์ประทับใจ และเลือกคุณเข้าทำงานให้ได้ คุณต้องมี mindset แบบนี้ค่ะ (ไม่ใช่แบบ ไปลองดูก่อน ได้ก็ดี ไม่ได้ก็หาที่ใหม่)

        3. การสร้าง first impression

         การการสร้าง first impression หรือ ความประทับใจแรก นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในการสมัครงานในตำแหน่งหนึ่งๆ อาจไม่ได้มีแค่คุณเท่านั้นที่เป็น "ผู้ถูกนัดสัมภาษณ์" คุณอาจจะมีคู่แข่งอีกหลายคนที่มีความพร้อมในด้านสกิลที่มากกว่า ฉะนั้นแล้ว การสร้าง first impression จึงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณนั้นโดดเด่นและน่าสนใจกว่าผู้สมัครคนอื่นๆค่ะ และความประทับใจแรกนั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่ได้มีบุคลิกภาพที่ดี

 

การปรับบุคลิกภาพ ให้เข้าตาเข้าใจผู้สัมภาษณ์

        บุคลิกภาพ (personality) คือ "สิ่งที่ตามองเห็นแล้วทำให้ใจรู้สึก" ซึ่งสิ่งที่จะสนับสนุนให้เรามีบุคลิกภาพที่ดี หรือมีการแสดงออกที่ดีนั้น
มาจาก 4 ปัจจัยส่งเสริม

1. รูปร่าง ลักษณะ (Appearance) : สิ่งที่รับรู้ได้ด้วยตาเห็น

        รูปร่าง ลักษณะ (Appearance) สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่รับรู้ได้ด้วยตาทั้งหมด จึงเป็นภาพแรกที่ผู้สัมภาษณ์ได้ทำความรู้จักเรา เช่น
        - การสวมใส่เสื้อผ้า ควรเลือกการแต่งกายด้วยชุดที่สุภาพ เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน 
        - การแต่งหน้า ทำผม ในระดับที่ดูเป็นธรรมชาติ เป็นการให้เกียรติแก่ผู้สัมภาษณ์และช่วยเสริมบุคลิกและความมั่นใจของเราได้
        - การยืนและการนั่งหลังตรง การเดินเดินอย่างสง่างาม จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดี

2. พฤติกรรม (Behavior) : มารยาท และการเข้าสังคม

        พฤติกรรม ข้อนี้ในเชิงบุคลิกภาพ ก็จะหมายถึงการแสดงออกด้าน ภาษากาย เช่น มือ ควรวางตรงไหน การไหว้ การยิ้ม การพยักหน้า การใช้มือไม้ท่าทางเวลาพูด รวมถึงการแสดงออกถึงความมีมารยาท และมีทักษะในการเข้าสังคมที่ดี ดูเป็นมิตร

3. การสื่อสาร (Communication) : การพูด การใช้เสียง และการใช้สายตา

        การพูด การสื่อสาร การนำเสนอ และการใช้เสียง สำคัญมาก เพราะเสียงเป็นตัวการหลักในการกระตุ้นการรับรู้ เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกใช้เสียงให้ถูกจังหวะ ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงค่ะ โดยระดับของเสียง มีอยู่ด้วยกัน 3 ระดับ
        1. เสียงสูง (head tone) ใช้ในจังหวะที่ต้องการ  ทักทาย, ดึงดูดความสนใจ, สร้างแรงจูงใจ และ การตั้งคำถาม เป็นต้น
        2. เสียงกลาง (mouth tone) ใช้ในจังหวะที่ต้องการ แนะนำ, ตอบข้อซักถาม และ เสนอความคิดเห็น เป็นต้น
        3. เสียงต่ำ (chest tone) ใช้ในจังหวะที่ต้องการแสดงให้รู้สึกถึงการ มีอำนาจ มีความน่าเชื่อถือ พูดเรื่องสำคัญ เป็นต้น

และเมื่อเรากำลังสื่อสารด้วยการพูด และด้วยการใช้เสียงแล้ว เราต้องไม่ลืมเรื่อง Eye Contact (การใช้สายตามองเพื่อสบตา และสามารถสร้างความหน้าเชื่อถือ) ด้วย

4. การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)

        คือ กระบวนการคิดเพื่อแก้ไขปัญหาหรือโจทย์ให้ถูกจุด เราต้องมี mindset ที่ดี และมีทัศนคติ (attitude)ที่ดีด้วย เวลาตอบคำถาม ควรตอบให้ตรงคำถาม ต้องหาคีย์เวิร์ดให้เจอ 

 

สุดท้ายแล้วคนที่ถูกเลือกให้เข้าทำงาน ไม่ใช่แค่คนที่มีสกิลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คนที่มีความพร้อม มีบุคลิกภาพและทัศนคติที่ ก็มีโอกาสที่จะได้งานนั้นไปครองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้ว เตรียมบุคลิกภาพของคุณให้พร้อม เพราะสังเวียนนี้คนที่ชนะ คือคนที่เตรียมตัวดีที่สุด Fighting!