การหางานในยุคดิจิทัล (Digital Age) หรือในยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลายๆธุรกิจเกิดการปรับตัวให้ทันต่อโลกที่กำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัลที่มากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้งาน จนบางครั้งอาจมองได้ว่าเทคโนโลยีกำลังจะเข้ามาแทนที่มนุษย์และมนุษย์จะตกงาน
แต่หากลองมองในอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่าเทคโนโลยีนั้น เป็นสิ่งเข้ามาเพื่อช่วยให้เราทำงานได้สะดวกสบายขึ้น ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความรวดเร็วและเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นกัน ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจ คุณจึงจำเป็นต้องมีความพร้อมทางด้านอาชีพ(Career Readiness) ซึ่งจะต้องมีความรู้หรือทักษะใดบ้าง ในบทความนี้ เรารวบรวมมาฝากเพื่อนๆแล้วค่ะ
ความพร้อมด้านอาชีพ (Career Readiness)
เมื่อหลายๆธุรกิจ ยังมีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล เราในฐานะผู้หางาน ก็ต้องมีการปรัปตัวเช่นกัน โดยต้องมีทักษะที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย ต้องมองหา สนใจ และศึกษาทักษะใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะคนที่มีความพร้อมในยุคนี้ ไม่ใช่แค่คนที่มีใบปริญญาหรือผ่านการฝึกอาชีพเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคนที่มีความคล่องตัวและพร้อมที่จะปรับเปลี่้ยนได้ตลอดเวลา เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้โฟกัสแค่เป้าหมายอย่างเดียว แต่ยังนึกถึงการปรับเปลี่ยน ‘วิธีการ’ ในการไปถึงเป้าหมายอีกด้วย
ทักษะที่ควรมี เพื่อการก้าวสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจ
1. ทักษะทางด้านการเรียนรู้
เรียนรู้ในนวัตกรรมต่างๆ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ มั่นฝึกฝนทักษะใหม่ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ มีวิจารณญาณ เพิ่มขีดความสามารถอื่นๆ เพิ่มศักยภาพของตนเอง
2. ทักษะสารสนเทศและเทคโนโลยี เพื่อให้เท่าทันสื่อ
ทักษะของ Tech Skill เป็นทักษะที่จำเป็นต่อแทบทุกสายงานและทุกอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาสู่ยุคดิจิตอล (Digital Age) ดังนั้นทักษะ เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ความรวดเร็วและความถูกต้องในการพิมพ์ ความสามารถใช้งานโปรแกรม microsoft office การใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์บางอย่าง เช่น canva หรือถ้ามากกว่านี้ได้ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้หางานค่ะ
3. ทักษะทางสังคม หรือ Soft Skills ที่สำคัญ
ทักษะการสื่อสาร (Communication)
ทักษะการสื่อสาร เป็นทักษะที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้หางาน ที่เจ้าหน้าที่บุคคล หรือ HR จะมองคุณตั้งแต่เริ่มมาสัมภาษณ์ เพื่อดูว่าคุณนั้นมีทักษะการสื่อสารที่ดีไหม จะเข้ามาทำงานได้หรือไม่ได้ เพราะทักษะนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการทำงานเป็นทีม หรือจุดมุ่งหมายของทีม หากการสื่อสารไม่ดี ไม่เข้าใจกัน อาจส่งผลกระทบต่องานได้
ทักษะการปรับตัว (Adaptability)
ในยุคที่อะไรๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะการปรับตัวจึงเป็น Soft Skill ที่จำเป็น เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย คุณต้องสามารถปรับตัวหรือปรับเปลี่ยนวิธีการ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ได้ เช่น ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้าแบบนี้ การทำการตลาดแบบออฟไลน์เพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ต้องปรับตัวเพิ่มการทำการตลาดแบบออนไลน์ด้วย เป็นต้น
ทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving)
เป็นทักษะที่จำเป็นมาต่อการทำงาน บางครั้งเราอาจใช้มันในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของงาน เพื่อในงานนั้นไม่สะดุดและดำเนินต่อไปได้ และในบางครั้งอาจต้องใช้ในการวางแผนการแก้ไขปัญหาของงานในระยะยาว เช่น วางแผนการเพิ่มยอดขายภายใน 6 เดือน และนอกจากการใช้ทักษะนี้กับงานแล้ว เรายังสามารถใช้กับชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ทักษะการจัดการเวลา (Time Management)
เป็นทักษะที่เรียกได้ว่า สำคัญมาก จำเป็นต้องมี ยิ่งถ้าเป็นการทำงานที่ต้องทำงานเป็นทีมด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็น ยกตัวอย่าง หากเราไม่มีทักษะการจัดการเวลาที่ดี เราทำงานไม่เสร็จตามเวลา ก็จะส่งผลกระทบให้งานของเพื่อนร่วมงานช้าตามเราไปด้วย สุดท้ายทีมไม่สามารถทำงานชิ้นนั้นสำเร็จตามเวลาได้ ก็จะส่งผลเสียต่อทีม ทั้งด้านความน่าเชื่อถือ หรือค่าปรับความล่าช้า ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังตัวอย่าง คุณต้องมีทักษะการจัดการเวลาที่ดี โดยเทคนิคในการจัดการเวลาคือการวางแผนก่อนล่วงหน้า เช่น ระบุเลยว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นก็จัดลำดับความสำคัญว่าควรทำงานไหนก่อน และกำหนดเดดไลน์ให้งานแต่ละชิ้น ซึ่งเราก็ต้องมีวินัยร่วมด้วยเพื่อทำงานตามแผนที่วางไว้ให้เสร็จสิ้น
ทักษะความเป็นผู้นำ (Leadership)
คุณลักษณะของผู้นำที่ดีเริ่มต้นจากการที่เราสามารถจัดการกับตัวเองได้อย่างลงตัว มีความมั่นใจในตนเอง มีทัศนคติที่ดี ตัดสินใจได้ดี กล้ายอมรับทั้งความผิดพลาดและคำชื่นชม มีความยุติธรรม รับฟังทุกฝ่าย ไม่เอนเอียง ที่สำคัญ ต้องสามารถดึงศักยภาพของทีมออกมาได้เป็นอย่างดี และต้องทำให้ทีมเชื่อมั่นได้ว่าจะพาพวกเขาไปในทางที่ดีและประสบความสำเร็จได้
4. ทักษะด้านภาษา
ทักษะทางภาษาอื่นๆ (โดยเฉพาภาษาอังกฤษ) ยังคงเป็นทักษะเบื้องต้นและทักษะพื้นฐานที่จำเป็นและทำให้เราได้เปรียบในตลาดแรงงานสากล รวมถึงเพิ่มศักยภาพด้านอื่นๆ ได้ง่าย และนอกจากภาษาจะช่วยให้เราสู่ตลาดแรงงานสากลได้ดีแล้ว ก็ยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราเงินเดือนให้เราได้ดียิ่งขึ้นด้วย โดยเฉพาะภาษาที่จำเป็นต่อการทำงานในเวลาระดับนานาชาติ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น
เพื่อให้คุณก้าวสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจ เป็นผู้หางานที่มีประสิทธิภาาพ แนะนำว่าไม่ควรพลาดที่จะพกทักษะเหล่านี้ไปสัมภาษณ์งานรวมถึงเมื่อคุณได้เริ่มทำงานด้วยนะคะ เพราะนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นบุคลากรที่มีคุณค่ามากในองค์กร มีโอกาสพัฒนาและก้าวหน้าในอาชีพค่ะ